อธิบดีกรมอุทยานฯ ลั่นทำงานร่วมกับ “ทราย สก๊อต” ต่อไม่ได้

ทรายสก๊อต

กรุงเทพฯ 21 เม.ย. – อธิบดีกรมอุทยานฯ เผยสำนักอุทยานแห่งชาติกำลังรวบรวมข้อร้องเรียนที่มีต่อ “ทราย สก๊อต” มาให้พิจารณาเพื่อให้ปลดจากตำแหน่งที่ปรึกษา ชี้ไม่สามารถร่วมงานกันต่อไปได้ มีพฤติกรรมไม่ให้เกียรติองค์กร คอนเทนต์เผยแพร่ในโซเชียลมีเดียกระทบผู้อื่น

นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ยืนยันว่าไม่สามารถทำงานร่วมกับนายสิรณัฐ สก๊อต หรือ “ทราย สก็อต” ในตำแหน่งที่ปรึกษาอธิบดีฯ ได้อีกต่อไป โดยระบุว่า พฤติกรรมการสื่อสารของทรายในระยะหลังไม่ให้เกียรติองค์กร และสร้างความเสียหายแก่บุคคลอื่น แม้ในช่วงแรกจะมีบทบาทสนับสนุนงานอนุรักษ์ทะเลอย่างสร้างสรรค์ กรณีนี้ไม่ได้เกิดจากคลิป “หนีห่าว” แม้ว่าคลิปดังกล่าวนักท่องเที่ยวแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมจริง แต่อธิบดีระบุว่า เป็นผลสะสมจากหลายกรณี โดยเฉพาะการทำคอนเทนต์ที่พาดพิงบุคคลหรือหน่วยงานโดยไม่มีข้อมูลที่ครบถ้วน ทำให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ต้องเผชิญกับความเข้าใจผิดจากสังคม ส่งผลต่อการประสานงานกับชุมชนในพื้นที่ซึ่งมีความจำเป็นสำหรับงานอนุรักษ์ โดยทรายนั้นยังถูกผู้ประกอบการฟ้องร้องในข้อหาหมิ่นประมาท เนื่องจากทำคอนเทนต์ที่บิดเบือน

“ช่วงแรกเขามีความตั้งใจดีมาก แต่หลัง ๆ เน้นทำคอนเทนต์มากเกินไป ทำให้ผู้อื่นเสียหาย บางเรื่องไม่ใช่ข้อเท็จจริง ความจริงสามารถแก้ไขได้ แต่เขาไม่เข้าใจหน้าที่ของตัวเอง” นายอรรถพล กล่าว

อธิบดีกล่าวเพิ่มเติมว่า ตำแหน่งที่ปรึกษามีขอบเขตชัดเจน คือให้คำแนะนำ เว้นแต่ว่าอธิบดีจะมอบหมายให้ทำภารกิจเฉพาะ แต่ไม่ใช่ทำงานเหมือนเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าเพราะไม่ใช่พนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายโดยการเข้าไปในพื้นที่หรือการจัดทำเนื้อหาต่างๆ ต้องได้รับอนุญาตจากหัวหน้าอุทยาน และเคารพกติกาของหน่วยงาน ไม่ใช่เข้าไปในลักษณะที่ก่อให้เกิดภาระหรือความเสียหาย

พร้อมกันนี้ยังเปิดเผยว่า พยายามสื่อสารกับทรายโดยตรงผ่านข้อความส่วนตัว แต่ไม่ได้รับการตอบกลับ ขณะที่ทรายเลือกที่จะสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดียและสื่อมวลชนเพียงฝ่ายเดียว จนทำให้เข้าใจว่า ไม่ประสงค์จะพูดคุยหรือทำความเข้าใจกันโดยตรง

ในประเด็นที่ทรายตั้งข้อสังเกตว่าการถูกต่อต้านมาจากการที่เขาเตือนผู้ประกอบการในพื้นที่นั้น อธิบดีย้ำว่า หากมีข้อเท็จจริงเรื่องการทุจริตของเจ้าหน้าที่สามารถส่งหลักฐานมาได้ทันที กรมพร้อมดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด แต่การกล่าวหาโดยไม่มีหลักฐาน และสื่อสารผ่านภาษาอังกฤษไปยังต่างประเทศ อาจกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศได้ เรายินดีตรวจสอบเจ้าหน้าที่หากมีหลักฐาน แต่ถ้ากล่าวหาโดยไม่มีข้อมูล ชี้นำผ่านโซเชียลให้เกิดความเสียหาย นั่นไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ

อธิบดีกล่าวต่อว่า ปัจจุบันสถานการณ์ไม่สามารถกลับไปพูดคุยกันเหมือนเดิมได้อีกแล้ว เพราะทรายแสดงท่าทีไม่รับฟังและท้าทาย ไม่ให้เกียรติองค์กร พร้อมย้ำว่า ทรายเคยได้รับโอกาสจากกรมฯ ในช่วงแรกก็ทำได้ดี แต่ตอนนี้ไม่น่ารักเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แต่กลับทำให้หน่วยงานเสียหาย เจ้าหน้าที่ทำงานหนัก แต่กลับถูกกล่าวหาจากคอนเทนต์ที่เขาทำในเวลาเพียงสั้นๆ ต้องให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ด้วย

ล่าสุดยังแนะนำให้ใจเย็นๆ ใช้สติ แต่ทรายกลับโพสต์ท้าออกรายการโทรทัศน์ซึ่งตนเองจะไม่ทำเพราะเป็นการตอบสนองอารมณ์ของโซเชียลมีเดียมากเกินไป

นอกจากนี้ยังยืนยันว่า จะไม่ออกรายการสดร่วมกับทราย สก็อต ตามที่มีการเชิญ เนื่องจากมองว่าไม่จำเป็นต้องตอบสนองโซเชียล และไม่ต้องการให้เกิดภาพของการ “สร้างคอนเทนต์ชนกันไปมา” พร้อมระบุว่า สำนักอุทยานฯ อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อร้องเรียน และจะเสนอให้กรมพิจารณาทบทวนตำแหน่งอย่างเป็นทางการ

ท้ายสุดย้ำว่า การทำงานอนุรักษ์ต้องอาศัยความร่วมมือของทุกฝ่าย โดยหลักปฏิบัติ เจ้าหน้าที่ทำงานอย่างเต็มที่อยู่แล้วซึ่งได้รับความร่วมมือจากทั้งชุมชนและผู้ประกอบการจึงจะทำให้การรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประสบความสำเร็จ.- 512 – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม


KUBET

KUBET

KUBET