ถนนสายเอเชีย รถยังบางตาใช้ความเร็วได้ดี

15 เม.ย.- การจราจรช่วงเช้าบนถนนสายเอเชีย หลังหยุดยาวสงกรานต์ ปริมาณรถยังบางตา ใช้ความเร็วได้ดี
ผู้สื่อข่าวรายงานสภาพการจราจร บนถนนสายเอเชีย ช่วงผ่านสะพานต่างระดับ หลักกิโลเมตรที่ 17 – 18 อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯ พบว่า ประชาชนบางส่วนเดินทางกลับเข้ากรุงเทพมหานครกันแล้ว แต่ยังคงดูบางตา รถสามารถใช้ความเร็วได้ 100 – 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ทั้งนี้พบว่ามีรถบางส่วนที่ใช้ถนนสายเอเชีย และเลี้ยวซ้ายถนนสายเอเชีย ก่อนถึงทางต่างสะพานต่างระดับอยุธยา เพื่อเลี้ยวเข้าถนนโรจนะ มุ่งหน้าไปยังอำเภอวังน้อย เพื่อเลี่ยงการจราจร รถสะสมช่วงสะพานต่างระดับบางปะอิน ได้อีกหนึ่งเส้นทาง เพื่อมุ่งหน้าไปยังเส้นมอเตอร์เวย์ ไปกรุงเทพ ไปชลบุรีได้

ส่วนเส้นทางถนนพหลโยธิน ผ่านอำเภอวังน้อย รถก็ยังทยอยเดินทางกลับเช่นกัน แต่รถยังสามารถใช้ความเร็วได้ 100 – 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง
อย่างไรก็ตามฝากเตือนพี่น้องประชาชน ให้พักผ่อนให้เพียงพอ เพิ่มความระมัดระวังรถช่องทางจราจรซ้ายสุดอาจมีการจอดกะทันหัน รับส่งผู้โดยสาร หรือรถจอดพัก รวมทั้งรถที่ออกจากทางร่วมทางแยก ปั๊มน้ำมัน ควรใช้ความระมัดระวังใช้ความเร็วขับถูกต้องตามกฎหมายกำหนด เพื่อเดินทางกลับเข้าทำงานหลังจากหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์อย่างมีความสุข
ถนนเอเชีย ฝั่งขาล่องเข้ากรุงเทพฯ รถเริ่มมาก
ส่วนที่ถนนทางหลวงหมายเลข 32 หรือ ถนนเอเชีย ฝั่งขาล่องเข้ากรุงเทพฯ ช่วงผ่านจังหวัดชัยนาท ช่วงเช้านี้มีปริมาณรถไหลผ่านประมาณ 1,600 คันต่อชั่วโมง ใช้ความเร็วเฉลี่ย 80-90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง การจราจรยังคล่องตัว ช่วงกิโลเมตรที่ 140-149 อ.มโนรมย์ เป็นทางตรง รถใช้ความเร็วได้ดี มีชะลอตัวช่วงกิโลเมตร 139 ก่อนเข้าแยกหางน้ำสาคร อ.มโนรมย์ เพื่อหยุดรอสัญญาณไฟจราจร ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เปิดสัญญาณไฟเขียวฝั่งขาล่อง แบบอัตโนมัติ นาน 6 นาที สลับหยุด 2 นาที ขณะที่ช่วงกิโลเมตรที่ 132-133 อ.เมืองชัยนาท ซึ่งเป็นทางโค้ง มีชะลอตัวบ้าง แต่ยังเคลื่อนตัวได้ดี และใช้ความเร็วได้ดี คาดว่าในช่วงบ่ายปริมาณรถจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 2,500 – 3,000 คันต่อชั่วโมง

สำหรับจุดบริการประชาชนของแขวงทางหลวงชัยนาท ได้ย้ายจากฝั่งขาขึ้น ไปตั้งอยู่ฝั่งขาล่องริมถนนเอเชีย กิโลเมตรที่ 133 มีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในการเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ ตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนขนส่งชัยนาท ได้ตั้งจุดตรวจ รถโดยสารประจำทาง โดยตรวจสภาพรถ และความพร้อมของคนขับรถ เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร .-สำนักข่าวไทย